เวลาของ "ชา" |
---------------------------------------------------------- เ ว ล า ข อ ง " ช า " ----------------------------------------------------------
ถึงแม้มีการศึกษาเกี่ยวกับชามาก แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงว่าประโยชน์ที่ได้นั้นมาจากปัจจัยอื่นๆด้วยหรือไม่ คนที่ดื่มชาเป็นประจำ มักมีพฤติกรรมการบริโภคที่ดี ไม่เครียด ไม่สูบบุหรี่ และออกกำลังกายเป็นประจำร่วมด้วย ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ สิ่งที่พบจากการดื่มชามากๆ คือ วอาจมีข้อเสียที่ได้จากสารออกซาเลต กับสารแทนนิน ซึ่งลดการดูดซึม แคลเซียมและธาตุหล็ก นอกจากนี้พบว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มร้อนมากๆเป็นประจำ เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งใน หลอดอาหารด้วย ทางที่ดีคือ ควรดื่มชาพอประมาณ วันละ 3-4 ถ้วย และดื่มนมหรืออาหารอื่นๆที่มีแคลเซียม บ้าง และควรรอประมาณ 3-4 นาทีให้เครื่องดื่มนั้นเย็นลงบ้างก่อนที่จะดื่ม ชามีสารกระตุ้นกาเฟอีนเช่นเดียวกับกาแฟ แต่พบว่ามีปริมาณน้อยกว่า และไม่มีการศึกษาที่รองรับว่าสาร กาเฟอีนในชากระตุ้นการขับน้ำออกจากร่างกายแต่อย่างใด
*1 ที่เสริฟคือ ชา กาแฟ ช็อกโกแลตร้อน 200 มิลลิลิตร และเครื่องดื่มโคล่า 330 มิลลิลิตร ที่มา : www.liptoninstituteoftea.org ปัจจุบัน ชาสำเร็จรูปที่อยู่ในขวดเป็นที่นิยมกันมาก แต่น่้าเสียดายที่นักวิจัยพบว่า ชาสำเร็จรูปบรรจุขวด เหล่านี้มีสารต้านอนุมูลอิสระน้อยกว่าชาที่ชงจากใบชามาก สารต้านอนุมูลอิสระฟลาโวนอลในชาที่ชงเองจาก ใบชาจะมีประมาณ 100-150 มิลลิกรัม แต่ในชาสำเร็จรูปบรรจุขวดมีเพียง 40 มิลลิกรัมหรือต่ำกว่า บางยี่ห้อ อาจมีน้อยมากๆ หรือแทบไม่มีเลยจากการวิจัยชาบรรจุขวดยี่ห้อดังในประเทศสหรัฐอเมริกา และชาขวดเหล่านี้ มักมีของแถมที่ไม่พึงประสงค์ตามมาด้วยนั่นคือ น้ำตาล ถึงแม้การศึกษาวิจัยเรื่องชายังมีข้อบกพร่องอยูบ้าง และยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ แต่การดื่มชามี ประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจของผู้ดื่มไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะเมื่อดื่มชาทดแทนเครื่องดื่มอื่นๆที่มากด้วย น้ำตาล มากด้วยพลังงานเปล่า ฉะนั้นแนะนำชาเป็นเครื่องดื่มที่สำหรับดื่มทุกวันรองจากน้ำเปล่า ร่วมกับการมี พฤติกรรมเสริมสุขภาพด้านอื่นๆด้วย ขอขอบพระคุณข้อมูลดีดี จาก... กิ น ดี ไ ด้ สุ ข ภ า พ ดี
|